วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Wish (ปรารถนา)

A yo! What's up guys? มาพบกันอีกแล้วนะคะกับยามาดะซังคนสวยคนนี้ ฮ่าๆ เอาล่ะๆ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าเนอะ คือเรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ช่วงนี้ยามาดะซังเนี่ยเครซี่เพลง I Wish ของสาวซ่าสุดแนวนาม Cher Lloyd คนนี้มากๆ เลยเป็นอะไรที่โซแสว็กมา~ ฟังไปฟังมายามาดะซังก็นึกขึ้นได้ว่า "เออ! เราสอนสอนเรื่อง Wish ได้นี่หว่า" มันก็เลยเป็นุเเริ่มต้นของหัวข้อในวันนี้นะคะ


Wish แปลว่า ปรารถนาเป็นการแสดงความปรารถนากับสิ่งที่ตรงข้ามกับความจริง


หลักการใช้ Wish

1. ใช้แสดงความปรารถนาในอดีต (Earlier time) [Had + V3]
e.g.
I wish it had snowed yesterday. (ความจริง คือ หิมะไม่ได้ตกเมื่อวานนี้)
I wish she had come to my party. (ความจริง คือ เธอไม่ได้มา)
I wish you had called earlier.
We wish he had spoken to us.
2. ใช้แสดงความปรารถนาในปัจจุบัน (Same time) [V2, was/were + Ving]
e.g.
When she was at the party, she wished she were at home
Now that he is in China, he wishes he understood Chinese.
They wish they were travelling now.
3. ใช้แสดงความปรารถนาในอนาคต (Later time) [Would + V1]
e.g.
You wished she would arrive the next day.
I wish she would change her mind.
I wish it would snow tomorrow.
เป็นไงๆ ไม่ยากเลยเนอะ แค่นี้เราก็สามารถบอกความปรารถนาเป็นภาษาอังกฤษให้คนอื่นฟังได้แล้ว ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยเนอะ วันนี้ก็มีแค่นี้นะคะ ไว้วันไหนว่างะมาลงเพจใหม่เนอะ บ๊ายบาย~~ 
P.S. เผื่อใครที่ยังไม่เก็ทก็ลองเข้าไปศึกษาในนี้เพิ่มเติมนะคะ
v
v
v
v
v


วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

มาทำความรู้จัก Some and Any กันเถอะ!!

                    โย่ๆ วันนี้ยามาดะซังมีอะไรจะมาบอกกล่าวด้วยล่ะ รู้จัก Some กับ Any กันมั้ย?? แล้วรู้รึเปล่าว่ามันใช้ต่างกันยังไง?? ว้าว รู้ด้วย?? งั้นไม่บอกดีกว่า....ฮ่ะฮ่า ล้อเล่นเนอะล้อเล่น เอาล่ะ! งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ



                    Some กับ Any นั้นก็จัดว่าเป็นคำนำหน้านามคำหนึ่งเหมือนกัน แต่ปัญหาที่หลายๆ คนเจอคือถ้าเอามันมาวางไว้หน้านามแล้วจะแปลว่าอะไร แล้วมันใช้ต่างกันยังไงอ่ะ เรามาดูกันเลยดีกว่า



การใช้ Some

1. some + นามพหูพจน์ แปลว่า บาง
Some cats are sleeping. (แมวบางตัวกำัลังนอน)
Some boys are very tall. (เด็กชายบางคนตัวสูงมาก)

2. some+นามนับไม่ได้
  • ประโยคบอกเล่า แปลว่า บ้าง หรือ นิดหน่อย
I have some money. (ฉันมีเงินอยู่บ้าง)
There is some water in the glass. ( มีน้ำในแก้วนิดหน่อย)
  • การยื่นข้อเสนอ ส่วนมากเห็นเสนออาหารและเครื่องดื่ม อันนี้ไม่ต้องแปล
Do you want some money? (คุณต้องการเงินไหม)
Can I get you some coffee? (ให้ผมซื้อกาแฟให้คุณไหม)
  • การขอ ก็เป็นอาหารและเครื่องดื่มอีกเช่นเคย อันนี้ก็ไม่ต้องแปล
Can I have some tea? (ขอชาหน่อยได้ไหม)
 Can you give me some salt? (คุณเอาเกลือให้ฉันหน่อยได้ไหม)


การใช้ Any

any+ นามพหูพจน์ / any + นามนับไม่ได้
any ใช้นำหน้าคำนามพหูพจน์ และนามนับไม่ได้เช่นเดียวกันกับ some ซึ่งจะใช้ในประโยคต่อไปนี้
  • ประโยคคำถาม แปลว่า บ้างไหม
Do you have any dogs? (คุณมีสุนัขบ้างไหม)
Does she have any cars? (หล่อนมีรถยนต์บ้างไหม)
Do they have any water? (พวกเขามีน้ำบ้างไหม)
  • ประโยคปฏิเสธ แปลว่า เลย
I don’t have any dogs. (ผมไม่มีสุนัขเลย)
 She doesn't have any cars. (หล่อนไม่มีรถยนต์เลย)
 They don’t have any water. (พวกเขาไม่มีน้ำเลย)

สรุปอีกที 
       

                     ไม่ยากเนอะ แค่จำตางรางข้างบนไว้แค่นี้ก็สบายบื๋อ แค่ต้องจำไว้อีกอย่างนะว่า Some and Any ใช้กับนามพหูพจน์เท่านั้น แต่อาจจะงงนิดหน่อยเพราะในภาษาไทยเราไม่แยกแบบนี้นี่เนอะ แต่เชื่อยามาดะซังเถอะค่ะว่าถ้าพยายามแล้วไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน แล้ววันนี้ก็หมดลงแค่นี้ แล้วเจอกันใหม่นะคะ บ๊ายบาย~




มาทำความรู้จักกับ Countable Nouns กับ Uncountable Nouns กันเถอะ!!

                    ไฮ~ พบกันอีกแล้วนะคะ วันนี้ยามาดะซังได้ยินคงสงสัยกันมากมายถึงเรื่องนามนับได้และนามนับไม่ได้ หรือก็คือ Countable Nouns and Uncountable Nouns นั่นเองนะคะ อ้าว แล้วมันต่างต่างกันยังไงอ่ะ?? ก็...แปลตามตัวเลยนะคะ Countable แปลที่ว่าสามารถนับได้ค่ะ พอมารวมกับ Noun ก็จะมีความหมายว่า "คำนามที่สามารถนับได้" นั่นเองค่ะ ส่วน Uncountable นั้นแปลว่าไม่สามารถนับได้ เพราะอะไรทราบมั้ยคะ? ลองสังเกตในคำๆ นี้ดูดีๆ ก็จะเห็นว่ามี Un- อยู่หน้า countable Un- ในที่นี้เป็น prefix มีความหมายว่า ไม่ ดังนั้นเมื่อนำ Uncountable มารวมกับ Noun แล้วจะได้ความหมายว่า "คำนามที่ไม่สามารถนับได้"  



            

นามนับได้นับไม่ได้คืออะไร??

นามนับได้ คือ นามที่นับได้เป็นตัว ๆ เวลานับก็นับตัวของมันเลย (มีหลายชิ้นส่วนประกอบกัน)
นามนับไม่ได้  คือ นามที่ไม่สามารถนับตัวของมันได้ ต้องนับภาชนะที่บรรจุ หรือว่าอย่างอื่นแทน

มีหลักเกณฑ์ในการแยกแยะอย่างไร??

คือ...เรื่องนี้มันยังไม่มีหลักเกณฑ์อะไรที่ตายตัวนะคะ แต่ยามาดะซังแนะนำหลักสังเกตคร่าวๆ ให้นะคะ ถึงจะเป็นแค่แบบคร่าวๆ แต่ก็นับว่าใช้วิธีนี้ได้ผลอยู่นะเอ้อ! สังเกตง่ายๆ เลยนะคะ

นามนับได้ มีหลายองค์ประกอบหรือหลายชิ้นส่วนรวมกัน
นามนับไม่ได้ มีองค์ประกอบเดียว


นามนับได้ มีหลายองค์ประกอบ หมายความว่า ต้องเอาหลายๆ ชิ้นส่วนมาประกอบกัน  และแต่ละชิ้นส่วนก็มีชื่อเรียกของมันเอง เช่น  bike (จักรยาน) ก็จะประกอบไปด้วยล้อ อาน โซ่ ฯลฯ   chair (เก้าอี้)  ประกอบไปด้วยเหล็ก ไม้ เบาะรองนั่ง ฯลฯ bird ประกอบไปด้วยปีก  ขา  หัว ฯลฯ เป็นต้น คำอื่นๆ ก็เหมือนกัน และเวลานับเขาก็จะนับ ดังนี้
a cat  แมวหนึ่งตัว / five cats แมวห้าตัว
a man ผู้ชายหนึ่งคน / two men  ผู้ชายสองคน
a car รถยนต์หนึ่งคัน / many cars รถยนต์หลายคัน

อ้าวแล้วทำไมหลายตัว เติม s แต่บางตัวไม่เติม กลับเปลี่ยนรูปไป เช่น man เป็น men
อันนี้เป็นเรื่องของกฏนามเอกพจน์ นามพหูพจน์ (Singular & Plural)

นามนับไม่ได้ มีเพียงองค์ประกอบเดียว หมายความว่า ไม่ว่าจะแบ่งแยกออกไปอย่างไร  เราก็ยังเรียกชื่อเดิมของมันอยู่ดี  ปกติจะป็นสารหรือของเหลวต่าง ๆ   เช่น กระดาษ  นักเรียนหลายคนคิดว่ากระดาษนับได้  (ภาษาไทยนับได้แต่ฝรั่งบอกว่า No!!!) แต่ลองฉีกกระดาษออกมาสิ ไม่ว่าจะฉีกออกมากี่ชิ้น มันก็ยังเป็นกระดาษเหมือนเดิมใช่มั้ย?? อีกสักคำสองคำนะคะ ให้ลองเอาสิ่งของต่อไปนี้มาหั่นออกสักสิบชิ้น ได้แก่  chalk, soap   ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนกับ paper ใช่มั้ยคะ??
คำนามที่นับไม่ได้นั้นมักจะอยู่ในรูปเอกพจน์เสมอๆ และจะไม่ใส่ a ,an, or the ลงหน้าคำนามเหล่านี้ทั้งนั้น ส่วยใหญ่แล้วมันจะเป็นของเหลว หรือชื่อของอาหารค่ะ แต่เราสามารถทำให้คำนามเหล่านี้กลายเป็นคำนามที่นับได้ ดังนี้ค่ะ
1. นับตามภาชนะของอาหารที่บรรจุ
2. นับตามลักษณะของสิ่งของ เช่น เป็นชิ้น เป็นก้อน เป็นม้วน เป็นแถว ฯลฯ
3. นับตามปริมาณที่ได้จากการชั่วตวง

สรุปได้ว่า
นามนับได้ คือ  นามที่แบ่งแยกแล้วจะไม่สามารถเรียกชื่อเดิมได้
นามนับไม่ได้  คือ  นามที่แบ่งแยกแล้วจะมีชื่อเรียกเดิม

                    นี่คือหลักการสังเกตแบบคร่าวๆ ที่ฝรั่งแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างนามนับได้ และนามนับไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปเถียงไปแย้งเขานะคะ เพราะเรากำลังเรียนรู้หลักภาษาของเขา เขาว่ามาอย่างนี้ เราก็ต้องตามต้องจดจำเขาไปอย่างนั้นนะคะ สำหรับเรื่องนี้ก็มีเพียงเท่านี้ล่ะค่ะ ถ้าเราจำข้อสังเกตมันได้ อะไรๆ มันก็ง่ายขึ้น แล้วพบกันใหม่นะคะ บาย~




มาทำความรู้จักกับ Question Words กันเถอะ!!

                    หลายๆ คนคงจะงงว่า เอ๊ะ Question Words คืออะไรอ่ะ?? แล้วมันแตกต่างจาก Question Tag รึเปล่า?? ยามาดะซังมีคำตอบค่ะ แตกต่างกันแน่นอนค่ะ เพราะว่า Question Words ก็คือ "คำที่ใช้แสดงคำถาม" นั่นเอง พอจะนึกออกมั้ย ถ้ายังคิดไม่ออก นึกภาพไม่ถูก ก็ลองนึกถึงคำว่า WH- Questions นึกออกหรือยัง นึกออกกันแล้วใช่ม๊าาา งั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับพวกมันเลยดีกว่าเนอะ




                    Question Words ทั้งหลายของเรานั้น ไม่ได้ใช้วางตรงตำแหน่งไหนในประโยคก็ได้นะคะ คำแสดงคำถามของเราทุกคำนั้นมีรูปแบบที่ค่อนข้างจะตายตัว ดังนี้

                Question words + กริยาช่วย + subject + Verb


งั้นเรามาเริ่มด้วย.....

external image blue_bullet.gif What (อะไร)

ใช้ถามเกี่ยวกับคน สัตว์ หรือสิ่งของ โดยทั่วๆ ไป เช่น
external image boldarrow.gif What is your family name? นามสกุลของคุณคืออะไร
external image boldarrow.gif What is between a pencil and a pen? อะไรอยู่ระหว่างดินสอและปากกา
external image boldarrow.gif What is your nationality? คุณมีสัญชาติอะไร

external image blue_bullet.gif Which (อันไหน สิ่งไหน)

ใช้ถามเกี่ยวกับคน สัตว์ หรือสิ่งของ ต้องการทราบอย่างแน่ชัด เฉพาะเจาะจงว่า คนไหน ตัวไหน สิ่งไหน หรือใช้ถามเพื่อให้เลือกจากจำนวนที่มีอยู่ เช่น
external image boldarrow.gif Which car do you like? รถคันไหนที่คุณชอบ

external image blue_bullet.gif When (เมื่อไร)

ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา เช่น
external image boldarrow.gif When do you arrive? คุณมาถึงเมื่อไร

external image blue_bullet.gif Where (ที่ไหน)

ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น
external image boldarrow.gif Where will you go tonight? คืนนี้คุณจะไปไหน

external image blue_bullet.gif Who (ใคร)

ใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล โดยบุคคลนั้นจะทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น
external image boldarrow.gif Who comes with you? ใครมากับคุณ

external image blue_bullet.gif Whom (ใคร)

ใช้ถามเกี่ยวกับบุคคลโดยบุคคลนั้นจะทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เช่น
external image boldarrow.gif Whom did you meet yesterday? เมื่อวานนี้คุณพบใคร

external image blue_bullet.gif Whose (ของใคร)

ใช้ถามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น
external image boldarrow.gif Whose fountain-pen is this? ปากกาหมึกซึมด้ามนี้เป็นของใคร
external image boldarrow.gif Whose bag is that? กระเป๋าใบนั้นของใคร

external image blue_bullet.gif Why (ทำไม)

ใช้ถามเพื่อต้องการทราบเหตุผล สาเหตุ เช่น
external image boldarrow.gif Why did you come late? ทำไมคุณถึงมาสาย
external image boldarrow.gif Why do you believe that? ทำไมคุณถึงเชื่อเช่นนั้น

external image blue_bullet.gif How (อย่างไร)

ใช้ถามความหมายของลักษณะอาการต่างๆ เช่น
external image boldarrow.gif How do you come to school? คุณมาโรงเรียนอย่างไร
external image boldarrow.gif How are you today? วันนี้คุณสบายดีไหม

                    ไม่ยากเลยใช่มั้ย? ทีนี้เมื่อเราต้องการจะถามอะไรสักอย่างเราก็แค่ใช้ Question Words มาช่วยในการถาม เพียงแค่เปลี่ยน คำกริยา ประธาน กรรม และรูปกาลตามที่เราต้องการ เท่านี้เราก็จะได้ประโยคคำถามที่สมบรูณ์ตามแต่ที่เราต้องการแล้ว เอาล่ะ! หมดหน้าที่ของยามาดะซังเท่านี้ และวันนี้ก็คงต้องของตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ ลาก่อน~